วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

เคยได้ยินตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก

พ่อเคยท่องให้ฟัง
เมื่อบุญมา    กาไก่     กลายเป็นหงษ์          เมื่อบุญลง   หงษ์เป็นกา    น่าฉงน
เมื่อบุญสูง     หมูหมา   กลายเป็นคน          เมื่อบุญหล่น   คนเป็นหมา   น่าอัศจรรย์

เป็นคำกลอน คนเก่า    สอนเราใว้              อย่าปล่อยใจ     พ่ายแพ้       ความแปรผัน
โลกมีขึ้น        มีลง      ไม่คงกระพัน           เป็นกฏเกณฑ์    สามัญ       เสมอมา

ปริญญา ๒ ใบ

 ปริญญาสองใบ...น่าอ่าน

ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก
คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก  
เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน  

ดร.อภิวัฒน์ &nb sp; วัฒนางกูร
 
มาเรียนที่อเมริกา  
เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส
ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุด แม้กระทั้งล้างจาน
ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู  
ว่าสะอาดจริงมั้ย
 
กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย
ต้องให้ดีที่สุด  
เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ เขียนไว้สามแผน
แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ
แกเสนอแผนที่สอง  
แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม

ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย   แกมีบ้าน  
มีรถ มีลูก มีภรรยา   มีธุรกิจ
มีชื่อเสียงทุกอย่าง   แกมีทุกอย่าง  
หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย   วันหนึ่งแกไปพัก
ที่ปากช่อง   ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป  
ภรรยาพาเข้าโรงพยาบาล   ตรวจพบมะเร็ง
พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด
แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้

แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล  
แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน   บันทึกชีวิตแก
ก่อนจะเสียชีวิต
 
แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว   แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่
กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก
ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อผมเคยบอกว่าเกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ  

ปริญญาใบที่หนึ่ง  ' ปริญญาวิชาชีพ
'
เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม   นอนอุ่น
พูดง่าย ๆ  ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้   อยากจะนอนบ้านที่เป็นของตัวเอง นี้คือปริญญาวิชาชีพ    

ปริญญ าใบที่สอง   ' ปริญญาวิชาชีวิต ' คือวิชาธรรมะ
สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง  

! ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่า ผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
 
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ  
แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก
  เพราะอะไร
เพราะทำงานจนป่วยตาย
ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง  
บ้าน รถ     มอบมันให้กับลูกและภรรยา
แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง!
ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา
 
สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
 
สิ่งที่ว่านี้คือ
ผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย < /SPAN>เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย
นี่คือปริญญาวิชาชีวิต
ธรรมะเราจะต้องมี! ถ้าเราไม่มีธรรมะ
 
เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง

ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี
ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว
  !
อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ
 
แต่ละวันควรจะมี ให้ดูแลตัวเอง
ดูจิต ดูใจตัวเอง
  ว่าเรา เอ๊ะ มันทุกข์  
มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้
  เกินไปหรือเปล่า  
พยายามลดลงในแต่ละวัน
 
เพื่อที่ว่าอะไร
 
เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
หนึ่งปริญญาวิชาชีพ
เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
 
มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่
 
แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง
คือวิชาธรรมะ
สำหร! ับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
 
ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือดร้อนเกินไป
 
ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข
อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว
  อยากพักให้ได้พัก  
อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหา ก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด   ขวาสุด   และมารู้สึกตัวอีกที ก็ล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี   ! เพราะอะไร
เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา
เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า
  ว่าอะไรคือสิ่ง สูงค่าที่สุด   บางคนก็ตอบเงิน
บางคนก็ตอบเพชร
  บางคนก็ตอบทอง !
บางคนก็ตอบอำนาจ
  บางคนก็ตอบราชบัลลังก์  
พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่
 
สิ่ งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต   สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำแบบมืออาชีพ

คนเก่งจริงไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง

โดย วินทร์ เลียววาริณ.
 

วันแรกที่เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผมพบเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่งเมื่อรุ่นพี่บางคนบอกว่า

การอดนอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนในคณะนี้

วันสุดท้ายในคณะนี้ ผมพบว่าตั้งแต่เรียนมาห้าปี ไม่เคยต้องอดนอนเลย
 
ยกเว้นเมื่อต้องทำงานกลุ่ม
ทั้งนี้มิใช่เพราะผมทำงานเร็วกว่าคนอื่น
 
...
แต่เพราะผมไม่เชื่อในทัศนคตินั้น  
จึงพยายามพิสูจน์ว่ามันไม่จริง
และพบว่าการวางแผนที่ดีแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
แม้แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะ..ที่น่าขันก็คือ น้อยคนที่อดนอนได้คะแนนดี

ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานร่วมสามสิบปี....

ห้าปีในนั้นผมทำงานในต่างประเทศ
..
เมื่อกลับมาเมืองไทย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง
นั่นคือหลายคนมองการก้าวเท้าออกจากสำนักงานตรงเวลา
 
' เป็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก '
ผมรู้ความจริงภายหลังว่า ...
คนจำนวนมากไม่ยอมออกจากสำนักงานตรงเวลา

เพื่อแสดงให้เจ้านายเห็นว่า

 ตนเองขยันขันแข็ง ยิ่งอยู่ดึก ยิ่งเป็นพนักงานตัวอย่าง
เสียสละเพื่อองค์กร
  น่ายกย่องชมเชย
บ่อยครั้งมีผลถึงการได้รับโบนัสตอนท้ายปี..

เนื่องจากเจ้านายมักเห็นหน้าเห็นตาใครคนนั้น หลังเวลาเลิกงานแล้วเสมอ  
หากไม่เคยทำงานในต่างประเทศมาก่อน ผมอาจเข้าร่วมวงไพบูลย์
 
 'มาสายกลับดึก '   ด้วย
แต่หลายปีในชีวิตการทำงานในประเทศที่มีประสิทธิภาพในการจัดการที่สุด..ทำให้เห็นค่าเวลาทุกนาทีในชีวิต
ผมกลับมองว่า
คนที่อยู่ดึกเป็นประจำคือพวกไร้ประสิทธิภาพ
ไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันเวลา ..จึงต้องอยู่ดึก

ยิ่งทำงานมากชั่วโมงยิ่งแสดงถึงการทำงานโดยไม่มีการวางแผน ไม่มองภาพรวม



ลองคิดดู????


การอยู่ดึกเพื่อทำงานพิเศษหนึ่งคืนหมายถึง
ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น ค่าทะนุบำรุงสูงขึ้น

ผลกระทบต่อคนทำงานคือพักผ่อนน้อยกว่าที่ควรเป็น

ยิ่งอยู่ดึก ประสิทธิภาพของงานในวันถัดไปยิ่งตกต่ำลง


.
มือกระบี่ชั้นหนึ่งในแผ่นดินมองท่วงทีของศัตรูอย่างระวัง ตวัดกระบี่ในมือเพียงฉับเดียว
ก็เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม
มือกระบี่ชั้นรองต้องประกระบี่ดังโคร้งเคร้งนานนับชั่วโมง ราวกับอยากบอกโลกว่า ..ข้าก็ใช้กระบี่นะโว้ย

โลกรับรู้ แต่คมกระบี่ก็บิ่น ต้องเสียเวลาลับกระบี่อีกหลายวัน

.
งานดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องตรงเวลาด้วย
งานดีไม่มีทางเกิดขึ้นตามยถากรรม ..หรืออารมณ์ขึ้นลง
ไปจนถึงความหนาแน่นรัดกุมของกฎเกณฑ์
' ตอกบัตร'
ปริมาณเวลาในการทำงานชิ้นหนึ่ง

ไม่ได้เป็นสัดส่วนกับคุณภาพของผลงานเสมอไป
บ่อยครั้งเป็นปฏิภาคกัน ...หลายครั้งงานที่ให้เวลาน้อย
 
กลับออกมาดีกว่างานที่ให้เวลามาก

'
คนเก่งจริงไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง

ทำ งานเสร็จแล้วก็เลิก! ไม่ต้องรอเทวดาบนสวรรค์วิมานมารับรู้
'
มีหลายมุมมอง ให้เลือกพิจารณา

อย่าเชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

Good Morning

ทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน.......อย่าลืมคิดถึงสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำเหล่านี้ 
 
1. เครื่องประดับที่สวยที่สุดบนเรือนร่าง คือ รอยยิ้ม
2. งานที่ทำแล้วพอใจที่สุด คือ การช่วยเหลือผู้อื่น
3. ความสุขที่สุด คือ การให้
4. อาวุธร้ายแรงที่ต้องระมัดระวัง และเก็บรักษาให้ดีที่สุด คือ การพูดทำร้ายผู้อื่น
5. พลังยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จ คือ ความรัก
6. ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การทำร้ายตัวเอง
7. ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่จะต้องเอาชนะให้ได้ คือความกลัว
8. ยา นอนหลับที่ให้ผลดีที่สุด คือ ความสงบในใจ

 
วันนี้รุ่งพรุ่งมีร่วงดวงไม่แน่             วันนี้แย่พรุ่งนี้ยังกลับดังได้
วันนี้ดังพรุ่งนี้ดับกลับเปลี่ยนไป     โปรดจำไว้ทุกชีวิต...อนิจจัง