วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับที่ไม่ลับ

บางคนอาจจะรู้แล้วบางคนอาจจะยังไม่รู้
มีอะไรบ้าง ลองมาดูกัน
 
สารบัญ
1.
ยำอย่างไรผักไม่ช้ำ

2.
ทำอย่างไรมะพร้าวขูดไม่บูดง่าย

3.
ทำอย่างไรไม่ให้เห็ดฟางเสียเร็ว

4.
ยำผักกระเฉดอย่างไรให้ผักกรอบ

5.
รักษาสีของพริกสดแม้ผ่านการปรุง

6.
เก็บมะนาวไม่ให้แห้ง

7.
ขจัดกลิ่นหอมแดงติดมือ

8.
เลือกซื้อสับปะรด

9.
ขี้เหล็กสารพัดประโยชน์

10.
น้ำต้มไข่อย่าทิ้ง

11.
กินครบ
5 รส ได้ประโยชน์ครบถ้วน
12.
ผักและผลไม้
15 อย่างที่ผิวหน้าต้องการ
13.
อาหารเพิ่มความสดใสยามอดนอน

14.
เคล็ดลับอบอุ่นร่างกายหน้าหนาว

15.
ต้มถั่วดำถั่วแดงให้สุกเร็ว

16.
วิธีคั้นผลไม้ให้ได้น้ำมากๆ

1.
ยำอย่างไรผักไม่ช้ำ

น้ำตาลเล็กน้อยแทนผงชูรส ชิมให้ได้รสถูกใจ คือ เปรี้ยว เค็มและหวาน

แล้วจึงใส่พริกและเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ ใส่ผักสดเป็นอันดับสุดท้าย

จะได้ยำรสชาติถูกปาก ผักสดก็ยัง

2.
ทำอย่างไรมะพร้าวขูดไม่บูดง่าย

มะพร้าวขูด ที่ใช้ผสมในขนมถั่วแปบ โรยบนขนมถังแตก ขนมกล้วย ขนมเผือก

หรือขนมมัน มักจะพบว่าบางแม่ค้า ขายขนมนั้นทั้งวันแต่มะพร้าวไม่ค่อยเสีย

ทั้งๆที่อากาศร้อน เพราะเคล็ดลับที่แม่ค้าใช้คือ เมื่อขูดมะพร้าวแล้ว

นำมะพร้าวนั้นไปนึ่งในน้ำเดือดสักครู่ แล้วจึงนำมาผสมกับขนมหรือโรยบนขนม

มะพร้าวจะไม่มีกลิ่นหืนและไม่ค่อยเสีย เก็บไว้นานๆได้หลายชั่วโมง


3.
ทำอย่างไรไม่ให้เห็ดฟางเสียเร็ว


เห็ดฟาง เป็นพืชที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายมาก แต่มี

ข้อเสียคือเห็ดจะเน่าเสียเร็ว

โดยเฉพาะถ้าล้างเห็ดแล้วต้องทำอาหารทันทีจะเก็บไว้ข้ามคืนไม่ได้เลย

วิธีเก็บเห็ดฟางไว้ให้อยู่ได้หลายๆวัน คือให้

นำเห็ดมาตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก แล้วใส่หม้อต้มโดยไม่ใส่น้ำ

น้ำในเห็ดจะออกมาเอง พอเห็ดสุกก็ทิ้งไว้ให้เย็น

นำใส่กล่องเก็บเข้าตู้เย็น เมื่อจะใช้ก็แบ่งเห็ดออกมาเท่าที่ต้องการ


4.
ยำผักกระเฉดอย่างไรให้ผักกรอบ


ผักกระเฉด รับประทานได้ทั้งดิบและสุก รับประทาน ดิบจะกรอบกว่าสุก

แต่ต้องล้างให้สะอาดจริงๆ ถ้าต้องการยำผักกระเฉดให้กรอบ

ต้องลวกผักในน้ำเดือดอย่างเร็ว รีบตักขึ้นชุบน้ำเย็น แล้ว สะเด็ดน้ำทันที

จากนั้นจึงนำไปยำ ก็จะได้ผักกระเฉดที่กรอบสมใจ


5.
รักษาสีของพริกสดแม้ผ่านการปรุง


นำพริกทั้งที่บุบหรือตำ หรือยังเป็นเม็ด ใส่ลงในภาชนะ

บีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย แล้วคนพริกให้ทั่ว สีของพริกก็จะสวยสดได้นานๆ

และอีกวิธีหนึ่งคือ แช่พริกไว้ในน้ำเกลือที่ต้มสุกแล้ว

แต่อย่ามากจะกลายเป็นรสเค็ม เพียงเท่านี้สีของพริกก็จะคงสีสันสดใส

ไม่หมองคล้ำ เมื่อนำไปประกอบอาหาร

6.
เก็บมะนาวไม่ให้แห้ง

พอถึงหน้ามะนาวถูกทีไร คุณแม่บ้านทั้งหลายก็มักจะซื้อเก็บตุนไว้ก่อนเป็นประจำ

แต่พอใช้ไม่หมด หรือใช้ไม่ทันก็เห็นว่าผิวมะนาวแห้งกรอบ

พอหั่นออกมาก็จะไม่ค่อยได้น้ำเท่าไหร่
 แต่ไม่ต้องห่วง เรามีวิธีแก้ปัญหา เพียงแค่นำมะนาว
ที่ซื้อมาล้างทำความสะอาด เช็ดให้แห้ง จากนั้นใช้น้ำมันพืชเคลือบผิวมะนาวไว้บางๆ 
 
ผึ่งให้แห้งเสียหน่อย แล้วค่อยเก็บเข้าตู้เย็น หรือถ้าไม่มีเวลาก็ใช้กระดาษมาห่อลูกมะนาว
 
ให้มิดชิด  เพียงเท่านี้มะนาวก็จะไม่แห้งแล้ว

7.
ขจัดกลิ่นหอมแดงติดมือ


อาหารไทยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของหอมแดง
เพื่อทำให้อาหารมีกลิ่นหอมและรสชาดดี ทำให้อาหารน่ารับประทาน

เมื่อปอกหอมแดงมักจะ มีกลิ่นเหม็นติดมือ มี วิธีที่ทำให้มือหมดกลิ่นเหม็น

โดย ใช้เกลือถูมือให้ทั่วแล้วจึงไปล้างน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้ง


8.
เลือกซื้อสับปะรด


การเลือกซื้อสับปะรด จะเลือกอย่างไรถึงจะได้สับปะรดเนื้อดี หวานฉ่ำ
เมื่อดีดแล้ว เสียงจะดังแปะๆ ละก็ใช้ได้ ถ้าเป็นเสียงโป๊กๆ ละไม่ควรซื้อ

สับปะรดที่หวานฉ่ำเวลาที่ดีดจะมีกลิ่นหอมมาก กว่าสับปะรดที่ไม่ฉ่ำ


9.
ขี้เหล็กสารพัดประโยชน์


ดอกขี้เหล็ก มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก มีสาร เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ บี
2
ซี สูง ทั้งยอดอ่อน ดอกอ่อนและใบขี้เหล็กนั้นมีรสขมมาก ต้อง ต้มน้ำทิ้ง

2 - 3
ครั้ง ก่อนนำมาปรุงอาหาร มักนำมาทำเป็นแกงกะทิ

เพราะนอกจากจะเพิ่มความอร่อย ลดความเฝื่อนแล้ว กะทิ

ยังช่วยให้สารเบต้าแคโรทีนในขี้เหล็กถูกดึงออกมาใช้ได้มากที่สุดอีกด้วย


10.
น้ำต้มไข่อย่าทิ้ง


เมื่อพักน้ำต้มไข่ไว้ให้เย็นแล้ว นำไปรดน้ำต้นไม้ที่ปลูกในที่ร่ม
จะทำให้ต้นไม้มีใบสีเขียวสด เพราะต้นไม้จะได้รับแคลเซียมจากน้ำต้มไข่

...
อุอุ เพราะต้นไม้ในที่ร่ม เป็นต้นไม้หวังใบ แต่มักจะมีใบไม่ค่อยเขียว


11.  
กินครบ
5 รส ได้ประโยชน์ครบถ้วน

คงจำกันได้กับบทเรียนเมื่อสมัยประถมที่คุณครูเคยสอนว่า
ลิ้นของเรามีตุ่มรับรสอยู่
5 รส ด้วยกันคือเปรี้ยว หวาน เค็มเผ็ด ขม
รสทั้ง
5 รสนี้หากผสมรวมกันอย่างพอเหมาะก็จะทำให้เกิดเป็นรสอร่อยขึ้นมาได้
อีกทั้งรสชาติแต่ ละรสนี้ก็ยังมีคุณประโยชน์ต่อส่วนต่างๆ

ของร่างกายต่างกันออกไปด้วย

*
อาหารรสหวาน เช่น ความหวานจากน้ำผึ้งและผลไม้ต่างๆ

นั้นมีประโยชน์ต่อระบบย่อยและการทำงานของ

ม้ามช่วยเสริมการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต

แต่ถ้ากินหวานมากเกินไปก็ทำให้อ้วนและเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

*
อาหารรสเค็ม เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม ช่วยให้ลำใส้ดูดซึมดี

แต่ถ้ากินเค็มมากไปก็จะทำให้เสี่ยงต่อโรคไต ได้

*
อาหารรสเปรี้ยว จากผลไม้ต่างๆ มีประโยชน์ต่อตับและถุงน้ำดี

ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น แต่กิน

เปรี้ยวมากไปกระเพาะอาหารอาจระคายเคืองได้

*
อาหารรสขม จากพืชผักต่างๆ มีประโยชน์ต่อหัวใจ

ช่วยในการทำงานของระบบย่อยและดูดซึมสารอาหาร รวมไปถึงระบบขับถ่ายของเสีย

*
ส่วนอาหารรสเผ็ด อย่างพริก ขิง กระเทียม ก็จะช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร

ช่วยขับสารพิษ และช่วยให้ ระบบไหลเวียนคล่องตัวขึ้น

แต่กินมากไประวังเป็นโรคกระเพาะอาหารได้

12.
ผักและผลไม้
15 อย่างที่ผิวหน้าต้องการ

ว่านหางจระเข้ -  บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว
แตงกวา  
-  ช่วยสมานผิว ลบรอยเหยี่วย่น
มะเขือเทศ
-  ช่วยสมานผิว ลบรอยเหยี่ยวย่นและจุดด่างดำ
ขมิ้นสด
 -  บำรุงผิวหน้าผุดผ่องสดใสอ่อนวัย และช่วยให้สิวยุบเร็ว
กล้วยน้ำว้าสุก
 -  บำรุงผิวนุ่มเนียนอ่อนวัย
หัวไชเท้า
-  ช่วยลดรอยฝ้าและกระให้จางหาย
ใบบัวบก
 -  ลดรอยตีนกา
มะขามเปียก
 -  บำรุงผิวหน้าขาวเนียน ลดรอยฝ้าจุดด่างดำ ชำระสิ่งสกปรก
กล้วยหอม  
-  ลดรอยเหยี่วย่น  ถนอมผิวหน้าให้ชุ่มชื่น
ทุเรียน
-  ลดปัญหาสิวเสี้ยน
มะนาว
-  ลดสีเข้มของกระบนใบหน้า
มะม่วงสุก  -
 แก้ปัญหาฝ้าและสิว
มะเขือเทศ  
-  รักษาสิวหัวดำ ป้องกันรูขุมขนอุดตัน ทำความสะอาดผิวหน้า
สัปปะรด
 -  บำรุงผิวหน้าขาวใส และช่วยขจัดเซลล์ตาย ให้หลุดออก
แตงโม
 -  บำรุงผิวหน้าชุ่มชื่นสดใส

13.
อาหารเพิ่มความสดใสยามอดนอน


ในวันหนึ่งๆ คุณผู้หญิง มีเรื่องที่ให้ทำเยอะเต็มไปหมด  เวลานอนก็ไม่พอ
จึงทำให้วันรุ่งขึ้น มีอาการง่วงนอนในขณะทำงาน  แต่ไม่ต้องกังวลไป

วีซ่ามีเคล็ดกลับตัวช่วยมาฝาก  ด้วยการเลือกทานอาหารเพื่อเพิ่่่่มความสดใส

กระปรี้กระเปร่ายามอดนอนมาฝากกัน
 
1.
ทานผักผลไม้


เนื่งจาก ในผักผลไม้ มี โครเมียมซึ่งจะช่วยให้
รักษาระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มพลังงานแก่ร่างกายของคุณผู้หญิงซึึ่งมีใน

แอปเปิ้ล กล้วย และมันฝรั่งค่ะ

2.
ทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามิบีและซี


เนื่องจากวิตามินบี ช่วยให้สมองผ่อนคลาย  ลดอาการนอนไม่หลับ
ทำให้ประสาทตื่นตัว มีมากในข้าวกล้อง ธัญพืช ไข่ เนื้อสัตว์ ตับ

ฯลฯ   วิตามินซี ช่วยต้านความเหนื่อยล้า สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย

มีมากในผักและผลไม้สด เช่น ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ และผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆ


3.
ทาน ถั่วเมล็ดแห้ง ข้าวซ้อมมือ และจมูกข้าวสาลี


เพราะโพแทสเซียมและแมกนีเซียมจากธัญพืชต่างๆ ช่วยบำรุงประสาท
และช่วยให้จิตใจแจ่มใส สดชื่น

4.
ทานปลา


เพราะร่างกายจะได้รับไขมันชนิดดีจากปลา ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3
ช่วยบำรุงสมอง สร้างสมาธิและความจำให้ดีขึ้นเวลาอดนอน


5.
ทานอาหารเบาๆ ย่อยง่าย

เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือน้ำเต้าหู้อุ่นๆ เพราะการกินอาหารที่ย่อยยาก

ทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักและอาจหลับไม่สนิทในคืนถัดๆ ไป

จะยิ่งทำให้สุขภาพแย่ไปกันใหญ่ค่ะ

6  
ดื่มน้ำเยอะๆ เรียกความสดชื่น

เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ

เมื่อรู้ตัวว่าต้องอดนอนต้องดื่มน้ำเยอะๆ ค่ะ

เพราะช่วยสร้างความสมดุลให้ร่างกายของคุณผู้หญิง

และป้องกันอาการร้อนในที่อาจเกิดได้อีกด้วย

14.
เคล็ดลับอบอุ่นร่างกายหน้าหนาว


ลมหนาวมาเยือนอย่างนี้
การรู้จักดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอจะช่วยลดโอกาสป่วยไข้ไม่สบายได้

'
เกร็ดความรู้
' วันนี้จึงนำเคล็ดลับอบอุ่นร่างกายมาฝาก
เริ่มจาก ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เพื่อแก้หนาว

เพราะแท้ที่จริงแล้วไม่ได้ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

แต่ยังทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพหนาวเย็นได้

อีกทั้งอาจคาดสติจนไม่ได้สวมเครื่องป้องกันลมหนาว

โดยอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะในช่วงหน้าหนาว คือ อาหารจำพวกโปรตีน

เครื่องเทศที่ใช้ควรเน้น พริกไทย ขิง กระเทียม หัวหอม

ดื่มชาหรือน้ำขิงร้อนๆ

ทั้งนี้ สภาพอากาศที่หนาวเย็น มักทำให้เกิดอาการเป็นตะคริว

สร้างความเจ็บปวดให้กับกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันอาการดังกล่าว

ควรสวมเสื้อผ้าเนื้อหนาและเครื่องกันหนาวอื่นๆ เช่น ผ้าพันคอ ถุงเท้า

แต่ระวังอย่าให้รัดแน่นจนเกินไป เนื่องจากอากาศเย็นๆ

ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกอยู่แล้ว หากยิ่งสวมสิ่งที่รัดผิวแน่น

ก็ยิ่งขวางทางเดินเลือดเข้าไปอีกโดยปัญหาเลือดไหลเวียนไม่สะดวก  

 
และผิวหนังถูกรัดแน่นยังเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการตะคริวด้วย
กรณีไปท่องเที่ยวบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นมาก เช่น ภาคเหนือ บนภู บนเขา

ไม่ ควรผิงไฟในเต้นท์ เพราะจะได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้            เข้าสู่ร่างกาย  นอกจากนี้ยังไม่ควรนอนในที่ร่ม ลมโกรก โดยไร้เครื่องป้องกันหนาว

ที่ สำคัญไม่นำเด็กเล็กเข้าไปใกล้บริเวณที่ก่อไฟ เพราะควันไฟจะระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เป็นหวัดง่าย อย่างไรก็ตาม ยังมีการออกกำลังกาย     จะช่วยให้ระบบเลือดไหวเวียนได้ดี
โดยขณะออกกำลังกายแนะนำให้หายใจยาวและลึกขึ้น

15.
ต้มถั่วดำถั่วแดงให้สุกเร็ว


การต้มถั่วดูเหมือนจะง่ายคล้ายๆกับต้มไข่ แต่จริงๆแล้ว

ใครที่เคยต้มทั้งถั่วดำ ถั่วแดง จะรู้ดีว่ากว่าจะต้มสุกได้ต้องใช้เวลานานมาก

จนหลายคนเอือม ไม่คิดอยากกินถั่วอีกเลย หรือไม่ก็ไปซื้อเขาสบายกว่า

บางคนก็ใช้วิธีแช่น้ำคืนหนึ่งก่อนนำมาต้ม แต่เขาบอกว่าวิธีที่เร็วและสะดวกกว่าคือ

ก่อนนำถั่วไปต้ม ให้เอาไป
" คั่ว " ในกะทะให้สุกเสียก่อน
เป็นการทำให้สุกครั้งแรกที่ใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจึงเอาหม้อใส่น้ำ

แล้วใส่ถั่วลงไป โดยกะน้ำให้พอดีกับถั่วที่จะต้ม

แล้วตั้งไฟต้ม คราวนี้แหละถั่วที่ต้ม ก็จะสุกเร็วขึ้น

เมื่อถั่วสุกก็ใส่น้ำตาลลงไป กะให้หวานพอเหมาะหรือตามแต่ชอบ


16.
วิธีคั้นผลไม้ให้ได้น้ำมากๆ


ใครที่นิยมคั้นน้ำผลไม้ไว้ดื่มเอง

แล้วอยากให้ปริมาณน้ำผลไม้ที่คั้นมีมาก ๆ วันนี้มีวิธีมาฝาก

น้ำผลไม้ยอดนิยมของคนไทย ผลไม้บางชนิดเวลาคั้นก็ให้ปริมาณน้ำมาก

แต่บางชนิดก็ให้ปริมาณน้ำน้อย แต่ถ้าเกิดอยากดื่มน้ำผลไม้ที่มีปริมาณน้อย
แล้วไม่รู้จะทำยังไงมีวิธีมาบอก
วิธีคั้นน้ำผลไม้ให้ได้ปริมาณมาก ๆ คือ เริ่มจากล้างผลไม้ให้สะอาด
แล้วนำไปแช่ในน้ำอุ่น ประมาณ
2-3 นาที จากนั้นจึงนำมาคั้น
จะได้ปริมาณน้ำผลไม้มากขึ้น และรสชาติไม่เปลี่ยนแปลงด้วย

ครั้งหน้า ถ้าจะคั้นน้ำผลไม้ให้ได้ปริมาณมาก ๆ และไม่เสียงรสชาติ

ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น